สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพโมเดอร์นา เทอราพิวติกส์ (Moderna Therapeutics) เริ่มการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจโควิด-19 ในมนุษย์ ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกแล้ว โดยได้เริ่มฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับอาสาสมัคร 4 คนแรก ที่ศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งในนครซีแอตเทิลเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.)
วัคซีนที่ใช้ทดลองดังกล่าวมีชื่อว่า mRNA-1273 โดยวัคซีนนี้มีบางส่วนของข้อมูลพันธุกรรมที่คัดลอกจากเมสเซนเจอร์อาร์เอ็นเอ (mRNA) ในส่วนหนามของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้วัคซีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์ผลิตแอนติบอดีมาต่อต้านสารพันธุกรรมของไวรัสได้ โดยไม่ต้องใช้เชื้อไวรัสจริงมาผลิตวัคซีนซึ่งอาจทำให้เกิดอันตราย
ไวรัสโคโรนา : “ภูมิคุ้มกันหมู่” คืออะไร เหตุใดนักวิทยาศาสตร์พากันคัดค้าน ไม่ให้ใช้ต้านโควิด-19โคโรนา : ทั่วโลกคิดค้นวัคซีน-ยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ คืบหน้าถึงไหนแล้วนักวิทยาศาสตร์เร่งมือพัฒนาวัคซีนต่อสู้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
การทดลองครั้งนี้จะใช้อาสาสมัครทั้งหมด 45 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ใหญ่วัย 18-55 ปีที่มีสุขภาพดี โดยจะใช้เวลาทดลองเก็บข้อมูลทั้งหมด 6 สัปดาห์
อาสาสมัครจะได้รับวัคซีนด้วยวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน โดยจะมีการทดลองฉีดวัคซีนทั้งหมด 2 ครั้ง ในระยะเวลาที่ห่างกัน 28 วัน จากนั้นผู้วิจัยจะคอยสังเกตอาการที่เกิดขึ้นตามมา โดยเฝ้าระวังว่าอาสาสมัครจะมีอาการไข้ ปวดระบม หรือมีอาการแพ้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่
นางเจนนิเฟอร์ ฮัลเลอร์ วัย 43 ปี แม่ลูกสองชาวนครซีแอตเทิล ซึ่งเป็นอาสาสมัครคนแรกที่ได้รับวัคซีน mRNA-1273 บอกว่า "นี่เป็นโอกาสอันน่าทึ่งสำหรับฉัน ที่จะได้ลงมือทำอะไรสักอย่างกับเขาบ้าง"
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่การพัฒนาวัคซีนชนิดนี้คืบหน้าอย่างรวดเร็ว จนมาถึงขั้นการทดลองระดับคลินิกได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังเกิดการระบาดของโรคนั้น เป็นเพราะได้ข้ามขั้นการทดสอบเพื่อดูปฏิกิริยาในสัตว์ทดลอง ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทโมเดอร์นา เทอราพิวติกส์ อธิบายว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของวัคซีน เพราะได้คิดค้นและพัฒนามาด้วยกระบวนการลองใช้และทดสอบซ้ำ ๆ มาโดยตลอดอยู่แล้ว
นพ. แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ (NIAID) กล่าวว่าการทดลองวัคซีนระยะแรกในมนุษย์มีขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายเร่งด่วนทางสาธารณสุข ในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
หากผลการทดสอบในขั้นต้นเผยออกมาว่า วัคซีนนี้ปลอดภัยและสามารถใช้ได้ผลกับคนทั่วไป จะมีการนำออกวางตลาด ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 18 เดือนนับจากนี้ เพื่อดำเนินการผลิตให้พร้อมใช้กับประชากรจำนวนมากได้
ส่วนความคืบหน้าในการทดสอบยาต้านไวรัสและวัคซีนชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อ SARS-CoV-2 นั้น ผู้ผลิตยาต้านไวรัส "เรมเดซิเวียร์" (Remdesivir) ได้มาถึงการทดลองระดับคลินิกขั้นสุดท้ายในภูมิภาคเอเชียแล้ว ส่วนบริษัทอิโนวิโอ (Inovio) ในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังคิดค้นวัคซีนจากดีเอ็นเอไวรัส เผยว่าจะเริ่มทำการทดลองระดับคลินิกในเดือนหน้า
Comments